ภัยส้นสูง!! สัญญาณอันตรายที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม
![]() |
สาวๆ ทั้งหลายโดยเฉพาะสาว ๆ อ๊อฟฟิต สาวพนักงานขายสินค้าในห้าง ซึ่งหรือแม้แต่สาวๆที่ชอบใส่ส้นสูงเป็นชีวิตจิตใจแล้วด้วยละก็ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว เดินหรือยืนนาน ๆ ซึ่งเรียกว่าล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้งานเท้าแทบทุกส่วนของคุณผู้หญิงหนักๆ กันทั้งนั้น
จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลาย ๆ คนกลับบ้านมาถึงต้องมานั่งบ่นว่า ปวดเท้า ปวดนิ้ว ปวดอุ้งเท้า ปวดหลัง ต่าง ๆ นาๆ รู้หรือไม่ว่า !!... อาการปวดตามเท้าของสาว ๆ เหล่านี้ ระยะยาวอาจทำให้อาการลุกลามเป็นมากขึ้น เรื้อรังและซ้ำร้ายอาจจะเกิดโรคที่เกี่ยวกับสุขภาพเท้าขึ้นมาได้ วิธีการปรับสภาพการทำงาน และการปฏิบัติตัวของผู้ยืนทำงานที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ
รู้แบบนี้แล้วก่อนอื่นเลย ก็ควรจะมารู้กันก่อนว่าผลเสียของการยืนนาน ๆ นั้นซึ่งมีหลายอาการไม่ว่าเป็น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อน่องและต้นขา อาการปวดเมื่อยเท้า หลอดเลือดขอด ปวดเข่าและหลัง คุณผู้หญิงก็สามารถป้องกันผลเสียจากการยืนนานได้ด้วยตนเอง มาดูว่ามีอะไรบ้าง
1. การยืนบนพื้นนิ่ม เพราะพื้นที่นิ่มสามารถลดแรงกดที่เท้าได้ อาจจะเป็นพรมเช็ดเท้านิ่ม ๆ เบาะหรือวัสดุที่มีความนุ่นก็ตาม ซึ่งสาวๆ สามารถทำได้ด้วยการถอดรองเท้ายืนบนพรมนั้น หลังจากนั้นลองยืนเท้าเดียว ถ้ารู้สึกว่าสบายเท้า และยืนได้มั่นคงถือว่าใช้ได้
2. สวมใส่รองเท้าที่มีพื้นนิ่มและหลวมเล็กน้อย รองเท้าที่มีพื้นนิ่มช่วยลดแรงกดไปที่เท้าได้ เช่นเดียวกับพื้นที่นิ่ม ส่วนการที่ต้องเลือกรองเท้าหลวมเพราะตกเย็นเท้าของท่านอาจบวมได้เล็กน้อยจากการยืนนาน
3. ไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงในการทำงาน กรณีที่เจ็บส้นเท้ามาก อาจใส่รองเท้าส้นสูงได้ แต่ไม่เกิน 2 นิ้ว เพื่อช่วยลดแรงกดที่ส้นเท้า แต่ข้อก็เห็นใจสาวๆ กันอยู่นะ
4. ยืนเท้าโต๊ะสูงหรือตู้ขายสินค้า โดยใช้แขนหรือศอกรับน้ำหนักตัวทางด้านหน้า สลับกับการใช้ก้นหรือหลังพิงผนังเป็นครั้งคราว เพื่อลดน้ำหนักกดที่กระทำต่อหลังและเท้า
5. พักการยืนบ่อย ๆ หย่อนขาข้างหนึ่ง หรืออาจใช้ที่วางเท้าเป็นบล็อกสูงจากพื้นประมาณ 4-6 นิ้ว
6. ใช้เก้าอี้แบบกึ่งนั่งกึ่งยืน กรณีของพนักงานเคาน์เตอร์หรือการทำงานในโรงงาน
7. ยืนสลับนั่ง แต่ต้องจัดสภาพงานให้เหมาะสม เช่น โต๊ะยืนทำงานไม่ควรเตี้ยเกินไปจนต้องก้มหลัง อาจจัดโต๊ะให้ทำงาน 2 ชุด คือชุดยืนและนั่งทำงาน แล้วให้ทำงานสลับหน้าที่กันเป็นระยะ ๆ
8. เมื่อรู้สึกเมื่อย ให้เดินไปมาสัก 2-3 นาที จึงค่อยนั่งลง ยกขาทั้ง 2 ข้างพาดบนที่นั่งของเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง ให้เท้าอยู่สูงประมาณระดับเข่า เพื่อช่วยเลือดจากขากลับเข้าสู่หัวใจดีขึ้น ป้องกันหลอดเลือดขอด มีโอกาสพักอย่ายืนคุย ให้นั่งยกขาพาดเก้าอี้ อาจจะกระดกปลายเท้าสลับกันซ้าย-ขวาร่วมด้วย
9. กลับถึงบ้านให้นอนเอาเท้ายันกับกำแพงให้เท้าอยู่สูงจากพื้นประมาณครึ่งเมตร แล้วกระดกปลายเท้าขึ้นสลับกันทั้ง 2 ข้าง ทำประมาณ 10 นาที ออกกำลังด้วยการเดิน วิ่ง หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 15-20 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงขา พักผ่อนด้วยการนอนให้พอเพียงอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง สำหรับการออกกำลังกายเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องยืนทำงานนาน ๆ
รองเท้าส้นสูง นับเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะสาวๆ ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นแฟชั่นนิสต้า เพราะรองเท้าจะช่วยส่งให้พวกเธอดูดี มีบุคลิกที่สง่า น่ามอง และก่อให้เกิดความมั่นใจ บางคนชินกับการใส่รองเท้าส้นสูง จนใส่รองเท้าแบบส้นแบนๆ แล้วเดินไม่เป็นเลยก็มี และนี่คือจุดเริ่มต้นของสารพัดปัญหาเท้าที่คุณสาวๆ ต้องเผชิญ
ปัญหาสุขภาพเท้าจากการใส่รองเท้าส้นสูง
ผลต่อกล้ามเนื้อน่องเอ็นร้อยหวาย การอยู่ในท่าเขย่งนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อน่องเอ็นร้อยหวายตึงและหดสั้น สังเกตจากอาการปวดน่องบ่อยๆ จากการเดิน หรือการเป็นตะคริว
ผลต่อโครงสร้างเท้า เมื่อเอ็นร้อยหวายหดสั้น จะส่งผลให้เท้าแบนเมื่อยืนด้วยเท้าเปล่า ซึ่งทำให้เกิดปัญหาฝ่าเท้าช้ำได้ อาการดังกล่าวอาจปวดบริเวณอุ้งเท้า จนถึงส้นเท้าได้
ปัญหาสุขภาพเท้าจากการใส่รองเท้าส้นสูง
ผลต่อกล้ามเนื้อน่องเอ็นร้อยหวาย การอยู่ในท่าเขย่งนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อน่องเอ็นร้อยหวายตึงและหดสั้น สังเกตจากอาการปวดน่องบ่อยๆ จากการเดิน หรือการเป็นตะคริว
ผลต่อโครงสร้างเท้า เมื่อเอ็นร้อยหวายหดสั้น จะส่งผลให้เท้าแบนเมื่อยืนด้วยเท้าเปล่า ซึ่งทำให้เกิดปัญหาฝ่าเท้าช้ำได้ อาการดังกล่าวอาจปวดบริเวณอุ้งเท้า จนถึงส้นเท้าได้

พังฝืดใต้ฝ่าเท้าหดสั้น จากรายงานในต่างประเทศพบว่า จะส่งผลให้เท้าโก่งจากการดึงรั้งของพังผืดดังกล่าวได้ เพราะเท้าอยู่ในลักษณะเขย่งนานๆ

ผลต่อสรีระกระดูกสันหลัง ขณะที่ใส่รองเท้าส้นสูง ทำให้น้ำหนักของเท้าเทไปส่วนหน้า เพื่อให้ร่างกายสามารถตั้งตรงและทรงตัวได้ ร่างกายจึงปรับให้หลังช่วงบั้นเอวแอ่นไปด้านหลัง จนนำมาสู่สาเหตุของท่านสุภาพสตรีที่มีอาการตึง และปวดหลังได้
การใช้อุปกรณ์ช่วยถนอมเท้า
อุปกรณ์เสริมฝ่าเท้า มีไว้เพื่อจัดโครงสร้างกระดูกทั้งหมด 26 ชิ้น ให้อยู่ในตำแหน่งธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อเอื้อต่อการทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างปกติ ปลอดภัย เป็นการป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อเอ็นต่างๆ กระดูกและข้อ ที่อาจนำไปสู่การเกิดปัญหาของเท้าได้
การใช้อุปกรณ์ช่วยถนอมเท้า
อุปกรณ์เสริมฝ่าเท้า มีไว้เพื่อจัดโครงสร้างกระดูกทั้งหมด 26 ชิ้น ให้อยู่ในตำแหน่งธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อเอื้อต่อการทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างปกติ ปลอดภัย เป็นการป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อเอ็นต่างๆ กระดูกและข้อ ที่อาจนำไปสู่การเกิดปัญหาของเท้าได้

เลือกรองเท้าอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพเท้า
1. รองเท้าที่ดี ส้นไม่ควรสูงเกิน 1 นิ้ว ลักษณะส้นไม่ควรเป็นส้นเข็ม หรือเล็ก เพราะเมื่อฐานเล็ก ทำให้ไม่มั่นคง อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
2. รองเท้าควรยาวกว่าเท้าประมาณ 1 ซม.และส่วนหน้าไม่บีบนิ้วเท้าเกินไป เพราะขณะที่คนเราเดินเท้าจะมีการเคลื่อนไปด้านหน้าประมาณ 7 มม.ดังนั้นในรายที่ใส่รองเท้าที่พอดีเท้า ก็จะเกิดปัญหากับเล็บและนิ้วเท้าได้ เพราะทุกครั้งที่เดิน จะเกิดการกระแทก จนเป็นสาเหตุให้เล็บเสีย นิ้วเท้างุ้มงอ และเบียดกัน
3. พื้นด้านในรองเท้าควรจะนุ่มเพื่อเป็นการลดแรงกระแทก และควรเสริมอุปกรณ์พยุงฝ่าเท้าด้วย เพื่อลดการบาดเจ็บและสุขภาพที่ดีของเท้า
4. รองเท้าต้องกระชับ ไม่คับหรือหลวมเกินไป ถ้าให้ดีควรสามารถปรับได้
เมื่อมีอาการเจ็บหรือปวดควรรีบสำรวจหาสาเหตุ เพราะบางครั้งรองเท้าอาจจะหมดสภาพ หรือไม่เหมาะสมกับโครงสร้างเท้า แต่ถ้าปวดเมื่อยจากการเดินมากๆ อาจผ่อนคลายโดยการแช่น้ำอุ่น หรือน้ำเย็น ร่วมด้วยกับการบริหารกล้ามเนื้อขา และเท้าง่ายๆ โดยกระดกปลายเท้าขึ้นให้สุด จนรู้สึกตึงๆ ที่น่อง ค้างไว้ 10 วินาที ทำสัก 10 ครั้ง
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นการดูแลเท้าเบื้องต้น ถ้ามีปัญหาหรือดูแลเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเท้า อย่าทิ้งไว้จนกลายเป็นเรื้อรัง เพราะปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้จะทำให้บั่นทอนคุณภาพชีวิตในด้านอื่นๆ เนื่องจากเท้าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ร่างกายเราจำเป็นต้องใช้งานหนักในแต่ละวัน
1. รองเท้าที่ดี ส้นไม่ควรสูงเกิน 1 นิ้ว ลักษณะส้นไม่ควรเป็นส้นเข็ม หรือเล็ก เพราะเมื่อฐานเล็ก ทำให้ไม่มั่นคง อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
2. รองเท้าควรยาวกว่าเท้าประมาณ 1 ซม.และส่วนหน้าไม่บีบนิ้วเท้าเกินไป เพราะขณะที่คนเราเดินเท้าจะมีการเคลื่อนไปด้านหน้าประมาณ 7 มม.ดังนั้นในรายที่ใส่รองเท้าที่พอดีเท้า ก็จะเกิดปัญหากับเล็บและนิ้วเท้าได้ เพราะทุกครั้งที่เดิน จะเกิดการกระแทก จนเป็นสาเหตุให้เล็บเสีย นิ้วเท้างุ้มงอ และเบียดกัน
3. พื้นด้านในรองเท้าควรจะนุ่มเพื่อเป็นการลดแรงกระแทก และควรเสริมอุปกรณ์พยุงฝ่าเท้าด้วย เพื่อลดการบาดเจ็บและสุขภาพที่ดีของเท้า
4. รองเท้าต้องกระชับ ไม่คับหรือหลวมเกินไป ถ้าให้ดีควรสามารถปรับได้
เมื่อมีอาการเจ็บหรือปวดควรรีบสำรวจหาสาเหตุ เพราะบางครั้งรองเท้าอาจจะหมดสภาพ หรือไม่เหมาะสมกับโครงสร้างเท้า แต่ถ้าปวดเมื่อยจากการเดินมากๆ อาจผ่อนคลายโดยการแช่น้ำอุ่น หรือน้ำเย็น ร่วมด้วยกับการบริหารกล้ามเนื้อขา และเท้าง่ายๆ โดยกระดกปลายเท้าขึ้นให้สุด จนรู้สึกตึงๆ ที่น่อง ค้างไว้ 10 วินาที ทำสัก 10 ครั้ง
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นการดูแลเท้าเบื้องต้น ถ้ามีปัญหาหรือดูแลเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเท้า อย่าทิ้งไว้จนกลายเป็นเรื้อรัง เพราะปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้จะทำให้บั่นทอนคุณภาพชีวิตในด้านอื่นๆ เนื่องจากเท้าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ร่างกายเราจำเป็นต้องใช้งานหนักในแต่ละวัน







